อดีตครูวัย 77 ปี วอนลูกศิษย์ ผ่านสื่อช่วยใช้หนี้กับ กยศ.

         เกี่ยว กับเรื่องของปัญหาการเซ็นค้ำประกันให้กับบุคคลอื่นนั้นเป็นเรื่องที่มักจะเจอกันบ่อยครั้งซึ่งตอนที่เดือดร้อนต้องการหาคนค้ำประกันก็จะมีการพูดจาหว่านล้อมยืนยันหนักแน่นหรือบางคนก็จะใช้ลีลาการอ้อนแบบร้องห่มร้องไห้ให้ช่วยเหลือแต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่หลงสงสารและไปเซ็นค้ำประกันให้เมื่อไหร่ส่วนใหญ่ก็มักจะเจอปัญหาตามมาทีหลังมากมายเกี่ยวกับเรื่องของการเซ็นค้ำประกันแล้ว

ลูกหนี้ดังกล่าวไม่ยอมใช้หนี้ทำให้ความเดือดร้อนตกมาอยู่ที่คนเซ็นค้ำประกันนั่นเองยังคุณครูคนหนึ่งซึ่งเป็นอดีตคุณครูวัย 77 ปีชื่อว่านางวันดีจะได้ให้ข้อมูลกับนักข่าวเกี่ยวกับการเซ็นค้ำประกันของการกู้ยืมเงินกับ กยศ. โดยเธอเล่าว่าในสมัยที่เธอยังคงสอนหนังสือช่วงประมาณปีพศ 2540 นั้น

มีลูกศิษย์ของเธอคนนึงซึ่งกำลังจะจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แต่เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมลูกศิษย์คนดังกล่าวจึงได้มาขอร้องให้เธอนั้นไปเซ็นค้ำประกันให้เพราะต้องการไปกู้เงินกับทาง กยศ. ซึ่งในขณะนั้นมีการกู้เงินเพียงแค่ 8,000 บาทเท่านั้นด้วยความสงสารกลัวลูกศิษย์จะเรียนไม่จบทั้งด้านคุณครูวันดีจึงได้มีการเซ็นต์เอกสารค้ำประกันให้โดยทางด้านลูกศิษย์ก็ยืนยันว่าจะมีการจ่ายเงินให้ครบทุกบาททุกสตางค์และจะไม่ให้ครูวันดีเดือดร้อนอย่างเด็ดขาดแต่เมื่อเวลาผ่านไป 21 ปีให้หลังจนมาถึงช่วงประมาณปีพศ 2561

ซึ่งเป็นช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนนางวันดีได้รับเอกสารมาจากทางศาลเครื่องมือการติดตามเขาทวงหนี้เนื่องจากว่ามียอดการกู้ยืมเงินจากทางกยศไปทั้งสิ้น 80,000 บาทและมีดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ไปทำการยืมแล้วไม่เคยจ่ายเลยดังนั้นยอดที่ได้รับหนังสือทวงจึงมียอดสูงถึงเกือบสองแสนบาทเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามนางวันดีบอกว่าหลังจากที่เธอได้รับเอกสารการติดตามทวงหนี้จากทางกยศ. เธอก็รีบติดต่อไปยังครอบครัวของลูกศิษย์คนดังกล่าวทันที

ซึ่งพ่อกับแม่ของลูกศิษย์ของเธอก็รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นและยินดีจะจ่ายค่าเรียกเก็บจากทางกยศ.ให้ เธอจึงได้วางใจและไม่เคยติดตามทวงถามอีกเลยเพราะเห็นว่าครอบครัวของลูกศิษย์ของเธอนั้นพ่อแม่ขายของอยู่ในตลาดซึ่งน่าจะมีรายได้พอที่จะไปทำเรื่องผ่อนจ่ายชำระหนี้กับทางกยศ.ได้  แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้รับหมายศาลว่าให้ไปผ่อนชำระเงินจากทางกยศ. เมื่อเธอติดตามทวงถามไปยังครอบครัวของลูกศิษย์คนดังกล่าวทั้งตัวลูกศิษย์เองและพ่อแม่ของลูกศิษย์ต่างก็ไม่ยอมให้จ่ายเงินกับทางกยศ.ให้กับเธอ

โดยต้องการให้เธอเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงคนเดียวเท่านั้นซึ่งเธอกลัวว่าจะถูกยึดบ้านจึงได้พยายามหาเงินไปใช้หนี้กับทางกยศ. แต่น่าจะขนาดนี้เธออายุมากแล้วและเกษียณอายุจากอาชีพราชการครูแล้วดังนั้นช่องทางการหาเงินของเธอจึงทำได้เพียงแค่เก็บผักไปขายเท่านั้นโดยจะมีการผ่อนชำระหนี้กับทางกยศมาหลายงวดแล้วเหลือเงินที่จะต้องจ่ายอีกแค่เพียง 700 บาทเท่านั้น

แต่ในขณะนี้เธอไม่สามารถที่จะหาเงินไปจ่ายหนี้ได้ทันเพราะว่าเหลือการผ่อนชำระหนี้อีกแค่เพียง 2 เดือนเธอพยายามติดต่อครอบครัวของลูกศิษย์แต่พวกเขาไม่ยอมรับผิดชอบใดๆเลยทำให้ครูวันดีจำเป็นต้องติดต่อกับนักข่าวเพื่อให้ทำข่าวนี้หวังที่จะให้ครอบครัวของลูกศิษย์ของเธอนั้นรับทราบถึงความเดือดร้อนและยินยอมไปชำระเงินกับทาง กยศ. เสียที

 

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์ยังไง